RAM (Random Access Memory) เป็นสถานที่ในเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งระบบปฏิบัติการโปรแกรมประยุกต์
และข้อมูลที่คำสั่งใช้งานเก็บไว้เพื่อทำให้
ไมโครโพรเซสเซอร์นำไปประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว
RAM เป็นที่เก็บที่สามารถผ่านและเขียนได้รวดเร็วกว่าที่เก็บชนิดอื่น
ของเครื่องคอมพิวเตอร์,
ฮาร์ดดิสก์,
ฟล็อปบี้ดิสก์
และ ซีดี-รอม
อย่างไรก็ตามการเก็บข้อมูลไว้ใน
RAM ทำได้เมื่อมีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
RAM สามารถเปรียบเทียบได้กับความจำระยะสั้นของคน
และฮาร์ดดิสก์
เหมือนกับหน่วยความจำระยะยาว
หน่วยความจำระยะสั้นจะสนใจกับงานบนมือ
แต่สามารถเก็บข้อเท็จจริงหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
ถ้าหน่วยความจำระยะสั้นถูกใช้จนเต็มแล้ว
บางครั้งสมองสามารถ
refresh โดยการดึงข้อเท็จจริง
(fact) ในหน่วยความจำระยะยาวออกมา
คอมพิวเตอร์ทำงานในลักษณะเดียวกัน
ถ้า RAM ถูกใช้จนเต็มแล้ว
ไมโครโพรเซสเซอร์ต้องไปที่ฮาร์ดดิสก์
เพื่อเรียกข้อมูลออกมาและเขียนทับ
(Overlay) ด้วยข้อมูลใหม่
เป็นการทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง
แตกต่างจากฮาร์ดดิสก์
ที่มีข้อมูลอย่างสมบูรณ์
RAM จะไม่ทำงานมากกว่าขนาดหน่วยความจำ
ซึ่งจะทำให้การทำงานช้าลง
ขนาด RAM
RAM ได้รับการเรียกว่า
Random access - การเข้าถึงแบบสุ่ม
เพราะตำแหน่งในการเก็บสามารถเข้าถึงโดยตรงที่จุดเริ่มต้น
ทำให้มีการแยกมาจากหน่วยจำหลักปกติประเภท
off line โดยปกติเทปแม่เหล็ก
(Magnetic tape) จะให้ส่งข้อมูลได้โดยเริ่มจากจุดเริ่มต้นของเทป
และจากตำแหน่งต่อเนื่อง
บางครั้งสามารถเรียกได้ว่า
“หน่วยความจำแบบไม่อนุกรม
(Non Sequential Memory)” เพราะ
RAM การเข้าถึงไม่มีลักษณะสุ่ม
แต่ RAM ได้รับการจัดลักษณะและควบคุมให้ข้อมูลสามารถเก็บ
และเรียกได้โดยตรงที่ตำแหน่ง
(IBM มักจะเรียกว่า
หน่วยความจำแบบเข้าถึงโดยตรง)
โดยตัวเก็บลักษณะอื่น
เช่น
ฮาร์ดดิสก์
และซีดี-รอม
สามารถเข้าถึงโดยตรง
(แบบสุ่ม)
แต่คำว่า random
ไม่ได้ใช้กับการใช้กับตัวเก็บเหล่านี้
นอกจากดิสก์
ฟล็อปปี้ดิสก์
และซีดี-รอมแล้ว
ตัวเก็บที่สำคัญอีกชนิด
คือ Read-only-memory (ROM)
และหน่วยความจำราคาแพงอื่น
ๆ
จะเก็บข้อมูลไว้ได้เมื่อปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะมี
ROM ขนาดเล็กที่เพียงพอสำหรับการเก็บโปรแกรม
ซึ่ง
ระบบปฏิบัติการสามารถโหลดมาที่
RAM ทุกครั้ง
เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
การทำงานของ
RAM โดยสังเขป
โดยทั่วไป
RAM คล้ายกับกล่องไปรษณีย์
(Post-office box)
โดยแต่ละกล่องสามารถเก็บค่า
0 และ 1 แต่ละกล่องจะมีตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์
(Unique address) สามารถหาได้โดยการนับแนวคอลัมน์
แล้วนับตามแถวใน
RAM ซึ่ง Post-office คือ
ฮาร์ดแวร์
และแต่ละกล่องคือ
เซลล์
ในการค้นหารายการของกล่อง
(เซลล์) ตัวควบคุม
RAM จะส่งตำแหน่งของคอลัมน์/แถวไปตามสายไฟฟ้าบาง
ๆ ไปที่ Chip มี
address line ของแต่ละแถวและแต่ละคอลัมน์ในกลุ่มของกล่อง
ถ้าข้อมูลกำลังถูกอ่าน
บิต (bits) ที่ถูกอ่านจะไหลไปตาม
data line ของ RAM โมดูลหรือ
Chip ที่เขียน
(ระบุ) เป็น
256 K x 16
หมายถึง 256,000
คอลัมน์
และลึก 16
แถว ขนาด 8 MB ของ
RAM แบบ Dynamic (DRAM) บรรจุคาปาซิเตอร์
8 ล้านตัว
และทรานซิสเตอร์
8 ล้านตัว
และพาร์ทที่ต่อเชื่อม
RAM แบบ Dynamic
(DRAM – ดีแรม) แต่ละเซลล์จะชาร์ตในส่วนที่คล้ายกับคาปาซิเตอร์
ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่เป็นเกท
(gate) ในการหาค่า
อ่านค่า
หรือเขียนค่าของคาปาซิเตอร์
ส่วน RAM แบบ
Static (SRAM), แทนที่จะใช้การชาร์ตของคาปาซิเตอร์
แต่จะใช้ตัวทรานซิสเตอร์ที่เป็นสวิทซ์
แบบ flip/flop โดยตำแหน่งหนึ่งมีค่าเป็น
1 อีกตำแหน่งจะเป็น
0 ลักษณะภายนอก
RAM เป็นชิปที่ติดมากับแผ่นเมนบอร์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งจำนวนของ
RAM
สามารถเพิ่มได้โดยการเสียบเพิ่มที่
Socket
บนเมนบอร์ด
การเพิ่ม RAM
ทำได้ตามข้อกำหนดการคอนฟิก
ได้แก่
หน่วยความจำแบบแถวเดียว
(Single in-line memory modules-SIMM)หรือหน่วยความจำแบบแถวคู่
(Dual in-line memory modules-DIMM) เพราะ DIMM
มีพินแบบ 64 บิต
สามารถแทนที่
SIMMS แบบ 36 บิต
ถ้ามีการใช้
Synchronous DRAM
ส่วนคอมพิวเตอร์แบบโน๊ตบุ๊คใช้
DIMMS แบบ 32 บิต
ที่เรียกกันว่า
Small outline DIMMS (SO DIMMS)
การเข้าถึงข้อมูล
เมื่อไมโครโพรเซสเซอร์
เรียกคำสั่งต่อไปมาทำงาน
คำสั่งจะบรรจุตำแหน่งของหน่วยความจำที่สามารถอ่านข้อมูลได้
(นำไปที่ไมโครโพรเซสเซอร์สำหรับการประมวลผลต่อไป)
ตำแหน่งนี้จะส่งไปที่ตัว
RAM Controller ซึ่ง RAM
Controller จะจัดการตามคำขอและส่งตำแหน่งที่ต้องการ
เพื่อทำให้ทรานซิสเตอร์
เปิดเซลล์
ให้อ่านข้อมูลจากคาปาซิเตอร์
(คาปาซิเตอร์
ที่ได้รับการชาร์ตจะให้ค่าเป็น
1 และค่าชาร์ตต่ำ
จะให้ค่าเป็น
0) สำหรับ RAM
แบบ Dynamic จะมีการ
power refresh เพื่อตรวจว่าค่าที่จะผ่านมีจริงก่อนอ่านค่าจากคาปาซิเตอร์
ใน RAM บางประเภท
หน่วยของข้อมูลที่เรียก
เพจ
ได้รับการอ่านข้อมูลที่ถูกอ่านจะถูกส่งไปตาม
Data line ไปที่ data
buffer ของไมโครโพรเซสเซอร์
ซึ่งรู้จักในชื่อว่า
Level-1 Cache (แคชระดับที่
1) และตัวสำเนาจะส่งไปที่
Level-2 Cache (แคช
ระดับที่ 2) สำหรับ
RAM แบบ VIDEO (Video RAM) มีกระบวนการคล้ายกับ
DRAM ยกเว้น Video
RAM บางแบบ
ที่ขณะเขียนข้อมูลโดยไมโครโพรเซสเซอร์
ข้อมูลยังสามารถอ่านโดย
Video controller ในเวลาเดียวกัน
เวลาที่ RAM ใช้ในการอ่านและเขียน
โดย
ไมโครโพรเซสเซอร์
แต่ละครั้งเรียกว่าเวลาในการเข้าถึง
(Access time)
มีตั้งแต่ 9
nano second ถึง 70 nano second ซึ่งค่ายิ่งน้อยยิ่งดี
แสดงว่าการนำข้อมูลออกมาทำได้เร็ว
เวลาในการเข้าถึง
ประกอบด้วย
เวลาแฝง
และเวลาการส่ง
เวลาแฝง
หมายถึง
เวลาการให้สัญญาณและการ
refresh ข้อมูลภายหลังการอ่าน
ชนิดของ
RAM
RAM สามารถแบ่งออกเป็น
2 ชนิด คือ
- RAM หลัก (main
RAM) สำหรับเก็บข้อมูลทุกประเภทและทำให้
CPU เรียกใช้ได้อย่างรวดเร็ว
- RAM แบบ Video
(Video RAM) เก็บข้อมูลสำหรับจอภาพ
ทำให้ภาพไปที่จอได้เร็วขึ้น
RAM หลัก (main
RAM)
RAM หลักแบ่งออกเป็น
Static RAM (SRAM) และ Dynamic
RAM (DRAM)
Static RAM (SRAM): SRAM มีราคาสูง
และใช้พื้นที่เป็น
4 เท่าของ DRAM
ในการเก็บข้อมูลที่เท่ากัน
มีความแตกต่างจาก
DRAM ในเรื่องการใช้
power-refresh ทำให้การเข้าถึงทำได้เร็วกว่า
(SRAM มี
เวลาในการเข้าถึง
25 nano seconds ในขณะที่
DRAM ใช้ถึง 60
nano seconds ซึ่ง DRAM ได้มีการพัฒนาความเร็วของการเข้าถึงข้อมูล)
SRAM ได้รับการใช้โดยส่วนใหญ่เป็นแคชระดับ
1 และ
ระดับ 2 ซึ่ง
CPU จะติดต่อกับ
SRAM (Cache) ก่อนที่จะติดต่อกับ
DRAM
-
Burst (or Synch Burst) Static RAM
Burst SRAM (หรือที่รู้จักกันว่า
Synch Burst VRAM) จะ Synchronize กับนาฬิกาของระบบ
หรือในบางกรณีกับ
cache bus ของนาฬิกา
ทำให้สามารถ
Synchronize ได้ง่ายกับอุปกรณ์ต่าง
ๆ
ลดเวลาการคอย
สามารถนำไปใช้เป็นหน่วยความจำแบบ
External level -2 cache สำหรับ
Chipset ของ Pentium II
Dynamic RAM (DRAM): DRAM ใช้คาปาซิเตอร์ที่ต้องการ
power-refresh เพื่อเก็บการชาร์ต
เพราะการอ่าน
DRAM จะดิสชาร์ตสิ่งที่เก็บไว้
ความต้องการ
Power-refresh ภายหลังการอ่านแต่ละครั้ง
นอกจากการอ่านแล้ว
เป็นการรักษาชาร์ตให้อยู่ในตำแหน่ง
RAM จะต้องมีการ
refreshed ทุก ๆ 1.5
microsecond และ DRAM มีราคาถูกที่สุดในประเภทของ
RAM
- Fast Page Mode (FPM DRAM)
เป็นรูปแบบใหม่ของ
RRAM โดย
Fast Page Mode DRAM (FPM DRAM) เป็นประเภทธรรมดาของ
DRAM ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
Page Mode DRAM มีลักษณะสำคัญของการเข้าถึง
คือ
แถวของหน่วยความจำไม่ต้องกำหนดแถวใหม่
สัญญาณของ row
access strobe (RAS) จะแอคทีฟเพื่อให้สัญญาของ
column access strobe (CAS) มีการเปลี่ยนการอ่านลำดับของเซลล์
เป็นการลดเวลาการเข้าถึง
และใช้พลังงานต่ำ
Clock timing ของ FPM DRAM จะเป็น
6-3-3-3(3 clock cycle สำหรับการตั้งค่า
การเข้าถึง 3
clock cycle สำหรับลำดับแรกและแต่ละครั้งของการแอ็คเซสต่อเนื่องกัน
3 ครั้ง
ขึ้นกับการตั้งค่าเริ่มต้น
- Enhanced
DRAM
Enhanced DRAM (EDRAM)
เป็นการรวม SRAM
และ DRAM
เป็นแพคเกจเดียวกัน
ปกติมักจะใช้เป็นแคช
ระดับ 2
รูปแบบส่วนส่วนใหญ่
จะใช้ 256
ไบต์ของ SRAM
รวมเข้ากับ DRAM
ข้อมูลในการอ่านครั้งแรกจะอ่านจาก
SRAM (ด้วยเวลา 15
nanoseconds)
ถ้าไม่พบจึงจะไปอ่านจาก
DRAM ด้วยเวลา 35 nanoseconds)
- Extended
Data Output RAM หรือ DRAM (EDO RAM
หรือ EDO DRAM)
EDO RAM หรือ EDO DRAM
มีความเร็วสูงขึ้น
25%
เมื่อเทียบกับ
DRAM มาตรฐาน
และเป็นการลดความต้องการใช้หน่วยความจำ
แคชระดับ 2
- Burst
Extended Data Out put DRAM (BEDO DRAM)
BEDO RAM ปรับปรุง page mode
ของ DRAM
โดยใช้การสร้างการเลื่อนตำแหน่งคอลัมน์ที่ต่อเนื่องกัน
3 ครั้ง
หลังจากคอลัมน์แรกได้รับการระบุ
โดย 4 บิต
จะถูกอ่านแบบ
Brust
ใช้ร่วมกับสถาปัตย์กรรมแบบ
Dual bank DEDO DRAM
ใช้เวลาการเข้าถึงเป็น
4-1-1-1 แต่ Intel
และผู้ผลิตรายอื่นนิยมใช้
SDRAM ทำให้ BEDO DRAM
ไม่ได้รับการใช้งานมากนัก
- Nonvolatile
RAM (NVRAM)
NVRAM เป็น RAM
ประเภทพิเศษที่สามารถเก็บข้อมูลไว้ได้
เมื่อปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
หรือว่าไฟตกคล้ายกับหน่วยความจำแบบ
ROM (Read-only memory)
โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่
ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์
มันสามารถทำงานโดยเขียนข้อมูลและฟื้นฟูจาก
EEPROM
- Synchronous
DRAM (SDRAM)
SDRAM
เป็นชื่อทั่วไป
สำหรับ DRAM
ประเภทต่าง
ๆ ที่ใช้การ
Synchronized
กับความเร็วนาฬิกาของไมโครโพรเซสเซอร
์เพื่อทำให้มีค่าเหมาะสม
แนวโน้มนี้เป็นการเพิ่มจำนวนคำสั่ง
ให้การทำงานของไมโครโพรเซสเซอร์
ความเร็วของ
SDRAM
มีอัตราเป็น
MHz
แทนที่จะเป็น
ns
พื่อทำให้สามารถเปรียบเทียบระหว่างความเร็วของบัส
และความเร็ว
RAM chip
โดยการแปลงความเร็วนาฬิกาของ
RAM เป็น ns
หารด้วยความเร็วของชิป
1 พันล้าน ns
เช่น 83 MHz RAM
เทียบเท่ากับ
12 ns
- JEDEC
SDRAM
JEDEC (Joint Electron Device Engineering Council) SDRAM
เป็นมาตรฐานในการผลิต
Synchronous DRAM
เป็นการใช้สถาปัตยกรรมแบบ
dual bank
และการเข้าถึงแบบหลาย
brust mode
ซึ่งสามารถกำหนดไว้ก่อน
ชิปแบบ JEDEC DRAM
ทำงานได้ที่
83 MHz หรือ 100 MHz โดย JEDEC DRAM
เป็นที่รู้จักกันในชื่อ
PC66 SDRAM
เพราะความเร็วที่ใช้ครั้งแรกสำหรับการทำงานกับบัสที่
66 MHz
และมีความโดดเด่นจากสถาปัตยกรรม
แบบ PC100 ของ Intel
- PC100
SDRAM
PC100 SDRAM
เป็น SDRAM ที่ Intel
ระบุเป็นข้อกำหนด
และ Intel
ได้สร้างมาตรฐานนี้เพื่อให้ผู้ผลิต
RAM
ผลิตชิปให้สามารถทำงานได้กับ
Chipset รุ่น i440BX ของ Intel
ซึ่ง i440BX
ได้รับการออกแบบให้สามารถทำงานกับระบบบัสความเร็ว
100 MHz โดย PC100 SDRAM
ทำงานที่ความเร็ว
100 MHz
ด้วยรอบการเข้าถึงที่
4-1-1-1
และมีรายงานกล่าวว่า
สมรรถนะของ PC100
SDRAM สูงขึ้น 10-15%
ในระบบ Socket 7 ของ
Intel (แต่ไม่ใช่
Pentium II เพราะ cache level 2
จะทำงานเพียงครึ่งหนึ่งของความเร็วไมโครโพรเซสเซอร์)
- Double
Data Rate SDRAM (DDR SDRAM)
DDR SDRAM
ในทางทฤษฎีสามารถทำให้
RAM
มีความเร็วอย่างต่ำ
200 MHz
มันจะกระตุ้นผลลัพธ์
(Output) ทั้งด้าน Rising
และ Falling ของ System clock
ไม่ใช่เฉพาะด้าน
Rising
ทำให้เพิ่มศักยภาพผลลัพธ์เป็นสองเท่า
ได้รับการคาดหวังว่าผู้ผลิต
Chipset ของ Socket 7
สามารถสนับสนุน
SDRAM แบบนี้
- Enhonced
SDRAM (ESDRAM)
ESDRAM
ทำโดยใช้ระบบหน่วยงานแบบ
Enhance
โดยการเพิ่ม
Static RAM (SRAM) เล็ก ๆ
ที่ชิป SDRAM
มีความหมายว่าการเข้าถึงหลาย
ๆ
ครั้งจะเร็วขึ้น
โดยรูปแบบของ
SARM ในกรณีที่ SRAM
ไม่มีข้อมูล
ใช้บัสขนาดกว้างระหว่าง
SRAM และ SDRAM
เพราะอยู่บนชิปเดียวกัน
ESDRAM
ได้เกิดมาเป็นคู่แข่งของ
DDR SDRAM ในฐานะชิป
SDRAM
ที่เร็วกว่า
สำหรับไมโครโพรเซสเซอร์แบบ
Socket 7
- Direct
Rambus DRAM (DRDRAM)
Direct Rambus DRAM
เป็นเทคโนโลยีที่เสนอโดย
Rambus Inc.
ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของ
Intel
มีการสัญญาว่าจะทำให้
RAM
มีความเร็วสูงถึง
800 MHz
โดยจะมีบัสขนาดเล็กกว่าการออกแบบของ
SDRAM ในปัจจุบัน
(ใช้ขนาด 16 บิต
เปรียบเทียบกับ
64 บิต ของ SDRAM)
- SyncLink
DRAM (SLDRAM)
SyncLink DRAM (มีลักษณะคล้ายกับ
Direct Rambus DRAM)
เป็นการใช้หลักการแบบ
Protocol-based
ในการใช้วิธีนี้
สัญญาณทั้งหมดของ
RAM
จะเป็นสิ่งเดียวกัน
(ไม่เหมือนกับการแยก
CAS, RAS.
ตำแหน่งและ data
link)
เพราะเวลาการเข้าถึงไม่ขึ้นกับการ
Synchronize
แบบมัลติไลน์
SLDRAM
สัญญาว่าจะทำให้ความเร็ว
RAM สูงถึง 800 MHz
เช่นเดียวกับ
Double Data Rate SDRAM, โดย SLDRAM
สามารถทำงานเป็นสองเท่าของอัตราความเร็วนาฬิการะบบ
Synclink
เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมแบบเปิด
ซึ่งคาดว่าจะแข่งขันและบางทีเป็นต่อเหนือ
Direct Rambus DRAM
Video RAM
Video RAM ในฐานะ
“video RAM” หมายถึงแบบทุกแบบของ
RAM ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลประเภทภาพ
(image) สำหรับการแสดงภาพบนจอภาพ
แต่ด้วยความสับสนทำให้ประเภททั่วไปของ
Video RAM ทุกประเภทเป็น
DRAM ที่ใช้งานด้วยการจัดการแบบพิเศษ
video RAM ทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์ระหว่างไมโครโพรเซสเซอร์กับจอภาพ
และมักจะเรียกกว่าเฟรมบัฟเฟอร์
เมื่อภาพถูกส่งไปที่จอ
(ภาพเหล่านี้)
จะถูกอ่านโดย
ตัวประมวลผลในรูปแบบของข้อมูลที่เก็บหลักของ
RAM จากนั้นจะเขียนที่
video RAM จาก Video RAM (เฟรมบัฟเฟอร์)
ข้อมูลจะถูกแปลงโดย
RAMDAC เป็นสัญญาณอนาล็อก
เพื่อส่งไปแสดงผลด้วยกลไกการแสดงภาพ
เช่น
หลอดคาร์โทด
(CRT) โดยปกติ
video RAM จะติดตั้งมาด้วยขนาด
1 – 2 MB และอยู่ที่การ์ด
video หรือกราฟฟิคในเครื่องคอมพิวเตอร์
รูปแบบส่วนมากของ
video RAM มักจะเป็น
Dual Port ขณะที่หน่วยประมวลผลกำลังเขียนภาพใหม่
จอภาพจะอ่านข้อมูลจาก
video RAM
เพื่อเตรียมภาพต่อไป
การออกแบบเป็น
Dual Port เป็นสิ่งแตกต่างที่สำคัญระหว่าง
Main RAMกับ video RAM
- RAMDAC
RAMDAC (randomaccess memory digital to analog
converte) เป็นไมโครชิป
RAMDAC จะติดตั้งใน
video adapter ในเครื่องคอมพิวเตอร์
มันจะรวม
SRAM ขนาดเล็กเพื่อใช้เก็บตารางสีกับตัวแปลงสัญญาณดิจิตัล
3 เป็นอานาล็อก
เพื่อเปลี่ยนภาพแบบดิจิตัลให้เป็นข้อมูลอะนาล็อก
สำหรับส่งไปที่ตัวให้กำเนิดสีจอภาพ
(display is color qenerator) ได้แก่
แม่สีคือ
แดง เขียง
และน้ำเงิน
ในจอภาพที่ใช้หลอดภาพคาโทด
(CRT) สัญญาณอะนาล็อกจะไปที่ยืนดิเลคตรอน
แต่ละตัวในจำนวน
3 ตัว
ถ้าจอภาพเป็นเทคโนโลยีอื่น
สัญญาณจะส่งที่ตรงกับกลไกประเภทนั้น
ส่วน SRAM ของ
RAMDAC บรรจุตารางสี
หมายเลขสีในข้อมูลแบบดิจิตัลที่ส่งมาที่
SRAM จะใช้สำหรับการสร้างเป็น
3 ค่า
สำหรับสีแดง
เขียวและน้ำเงิน
เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ไปที่ตัวแปลงสัญญาณ
Digital-to-analog สัญญาณอะนาล็อกจากตัวแปลงสัญญาณ
จะส่งโดยตรงไปยังปืนอิเลคตรอน
หรือกลไกของ
Image projecting สำหรับการแสดงสีจริง
ข้อมูลสีดิจิตัลถูกส่งโดยส่งไปที่
DAC โดยไม่ผ่านตราราง
SRAM เพราะไม่มีความจำเป็น
- Video RAM (VRAM)
VRAM (เป็นอีกชื่อหนึ่งของ
Video RAM) มีพอร์ทแบบ
Dual port ซึ่งยินยอมให้หน่วยประมวลผลเขียนข้อมูลที่
Video RAM ในเวลาเดียวกันที่ทำการ
Refresh จอภาพ
- Synchronous Graphics RAM
Synchronous Graphics RAM (SG RAM) เป็น
RAM แบบ clock- Synchronized ที่ใช้กับหน่วยความจำ
วิดีโอราคาต่ำ
SGRAM ใช้การเขียนแบบ
Masked write ซึ่งทำให้สามารถเลือกข้อมูลไปปรับปรุงในการทำงาน
และใช้การเขียนแบบ
Block write ซึ่งยินยอมให้ข้อมูลของ
black ground หรือ foreground
ได้รับการจัดการที่มีประสิทธิภาพ
SGRAM เป็นพอร์ทเดี่ยว
(single port) เป็นส่วนพิเศษของหน่วยความจำวิดีโอ
ที่ทำความเร็วเพิ่มขึ้นระดับปานกลาง
- Window RAM
Window RAM (WRAM) ไม่เกี่ยวข้องกับ
Microsoft Windows เป็น video
RAM ที่มีสมรรถนะสูงมาก
มีพอร์ทคู่ (dual
ported) และมี bandwidth
กว้างขึ้น
25% เมื่อเทียบกับ
VRAM แต่มีราคาถูกกว่า
WRAM มีส่วนทำให้มีประสิทธิภาพในการอ่านข้อมูล
สำหรับการเติมบล็อค
และการวาดข้อความ
(Text drawing) โดยสามารถใช้สำหรับภาพความละเอียดสูง
เช่น 1600 x 1200 pixels สำหรับการแสดงภาพสีจริง
- Maltibank Dynamic RAM
Maltibank Dynamic RAM (MDRAM) เป็น
RAM ที่มีสมรรถนะสูง
พัฒนาโดย Mosys โดยการแบ่งหน่วยความจำเป็น
32Kb ส่วน
หรือ bank ซึ่งสามารถเข้าถึงโดยอิสระ
video RAM แบบปกติ
เป็นแบบ Monolithic การเข้าถึงเฟรมบัฟเฟอร์
เป็นการเข้าถึงเพียงครั้งเดียว
การใช้หน่วยความจำแบบส่วนอิสระจะยินยอมให้การเข้าถึงพร้อม
ๆ กันได้
เป็นการเพิ่มสมรรถนะ
และมีราคาถูก
เพราะไม่เหมือนกับ
video RAM แบบอื่น
การ์ดสามารถผลิตให้ตรงกับลักษณะของ
RAM สำหรับความสามารถในการให้ความละเอียด
แทนที่จะต้องการหลายเมกกะไบต์
- Rambus Dynamic RAM
Rambus Dynamic RAM (RDRAM) เป็น
video RAM ที่ออกแบบโดย
Rambus ด้วยการทำให้บัสมีความเหมาะสม
เพื่อเพิ่มความเร็วในการไหลระหว่าง
video RAM และ buffer ของเฟรม
|